Posts Tagged ‘วิจัยในชั้นเรียน’
วิจัยในชั้นเรียน4
Posted มีนาคม 24, 2009
on:เห็นสถิติเรื่องวิจัยในชั้นเรียนมีผู้สนใจเขาชมจำนวนมาก จึงพยายามนำวิจัยในชั้นเรียนมานำเสนออีกหลายๆกลุ่มสาระ เพื่อเป็นแนวทางในการทำวิจัย ในวันี้จึงขอเสนอวิจัยอีกหนึ่งกลุ่มสาระ
วิจัยในชั้นเรียน
เรื่อง การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาความสนใจและผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ผู้วิจัย นายพลเอก สว่างแจ้ง
สภาพปัญหา
จากการสอนวิชา วาดเส้นแสงเงา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2546 ในการเรียนการสอนที่ผ่านมา มีนักเรียนที่สนใจเลือกเรียนวิชา วาดเส้นแสงเงา จำนวน 3 ห้องเรียน มีนักเรียน 150 คน จากการสังเกตและตรวจผลงานของนักเรียนในภาคเรียนที่ 1 ผู้วิจัยพบประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหา คือ มีนักเรียน 5 คน ในจำนวน 150 คน ไม่ส่งชิ้นงานจึงส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำในภาคเรียนที่ 1 ผู้วิจัยได้สังเกตและตรวจสอบคะแนนรายจุด พบว่า นักเรียนขาดความสนใจ ไม่เอาใจใส่ขณะปฏิบัติงาน และไม่ส่งชิ้นงานที่ครูสั่งตามจุดประสงค์การเรียนรู้ของวิชา วาดเส้นแสงเงา ดังนี้
ตารางที่ 1 แสดงการส่งชิ้นงานตามจุดประสงค์ 10 ชิ้นงาน ของภาคเรียนที่ 1 พ.ค. ถึง ก.ย. 2546
ชิ้นงานชื่อ |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
รวม |
ร้อยละ |
เด็กชาย ก |
/ |
/ |
/ |
|
|
|
|
|
|
|
3 |
30 |
เด็กชาย ข |
/ |
/ |
|
|
|
|
|
|
|
|
2 |
20 |
เด็กชาย ค |
/ |
/ |
/ |
|
|
|
|
|
|
|
3 |
30 |
เด็กชาย ง |
/ |
/ |
/ |
|
|
|
|
|
|
|
3 |
30 |
เด็กชาย จ |
/ |
/ |
|
|
|
|
|
|
|
|
2 |
20 |
ในภาคเรียนที่ 2 มีการเรียนการสอนวิชา วาดเส้นแสงเงา ต่อจากภาคเรียนที่ 1 จากการสังเกตของผู้วิจัย พบว่า นักเรียน 5 คนเดิม ยังมีพฤติกรรมไม่สนใจและไม่ส่งชิ้นงานเหมือนภาคเรียนที่ 1 ดังนี้
ตารางที่ 2 แสดงการส่งชิ้นงานตามจุดประสงค์ 3 ชิ้นงานใน 10 ชิ้น ของภาคเรียนที่ 2 เดือนพฤศจิกายน 2546
ชิ้นงานชื่อ |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
รวม |
ร้อยละ |
เด็กชาย ก |
– |
– |
– |
|
|
|
|
|
|
|
0 |
0 |
เด็กชาย ข |
– |
– |
– |
|
|
|
|
|
|
|
0 |
0 |
เด็กชาย ค |
– |
– |
– |
|
|
|
|
|
|
|
0 |
0 |
เด็กชาย ง |
– |
– |
– |
|
|
|
|
|
|
|
0 |
0 |
เด็กชาย จ |
– |
– |
– |
|
|
|
|
|
|
|
0 |
0 |
จากข้อมูลในตารางที่ 2 ผู้วิจัยมีความคาดหวังว่านักเรียนทั้ง 5 คน แนวโน้มน่าจะมีปัญหา เพราะนักเรียนไม่ให้ความสนใจการเรียนและไม่ส่งชิ้นงาน อาจทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินรายวิชา วาดเส้นแสงเงา ปลายปีการศึกษาได้
ปัญหาการวิจัย ทำอย่างไรจะช่วยให้นักเรียน 5 คน สนใจการเรียน และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
เป้าหมายการวิจัย เพื่อพัฒนาความสนใจและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ด้วยเทคนิคการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
วิธีการวิจัย
1. กลุ่มเป้าหมาย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2546 จำนวน 5 คน
2. วิธีการ
2.1 ประชุมนักเรียนทั้ง 5 คน เพื่อชี้แจงและตกลงร่วมกันถึงหลักการปฏิบัติงาน และทำข้อตกลงในการส่งชิ้นงาน ภายในเดือนธันวาคม 2546
2.2 ต้นเดือนมกราคม 2547 ประชุมนักเรียนทั้ง 5 คน เพื่อตักเตือนด้วยวาจา ถึงการไม่ส่งชิ้นงานตามข้อตกลงภายในเดือนธันวาคม 2546 ที่ผ่านมา
2.3 สัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ผู้วิจัยให้แรงเสริมทางลบ ด้วยการทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมด้วยการทำความสะอาดห้องเรียน ผู้วิจัยเน้นย้ำถึงข้อตกลงอีกครั้ง
2.4 สัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ผู้วิจัยให้การเสริมแรงทางบวกด้วยการชมเชยและให้การเสริมแรงทางลบสำหรับนักเรียนไม่ส่งชิ้นงาน ด้วยการทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์โดยการรดน้ำต้นไม้หน้าอาคารเรียน และจัดหาที่เฉพาะให้แก่นักเรียนที่ปฏิบัติงานไม่เสร็จและไม่ส่งชิ้นงาน โดยผู้วิจัยดูแลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด
2.5 สัปดาห์ที่สามของเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ผู้วิจัยให้ ผู้วิจัยให้การเสริมแรงทางบวกด้วยการชมเชยและให้การเสริมแรงทางลบสำหรับนักเรียนไม่ส่งชิ้นงาน ด้วยการทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์โดยการทำความสะอาดหน้าอาคารเรียน และจัดหาที่เฉพาะให้แก่นักเรียนที่ปฏิบัติงานไม่เสร็จและไม่ส่งชิ้นงาน โดยผู้วิจัยดูแลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด และลงคะแนนแต่ละชิ้นงานในสมุด ปพ.5 ให้นักเรียนทั้ง 5 คน ได้เห็นและตระหนักถึงความรับผิดชอบในการส่งชิ้นงาน ซึ่งนักเรียนจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
3. วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
3.1 การสัมภาษณ์นักเรียนทั้ง 5 คน เพื่อนที่สนิทของนักเรียนทั้ง 5 คน ผู้ปกครองของนักเรียน และครู-อาจารย์ผู้สอนในแต่ละรายวิชา นักเรียนทั้ง 5 คน ในบางรายวิชาส่งชิ้นงานครบ บางรายวิชาส่งชิ้นงานไม่ครบ
3.2 บันทึกผลการสังเกตการปฏิบัติงานในขณะเรียน
3.3 บันทึกผลคะแนนเป็นรายชิ้นงาน
4. วิธีวิเคราะห์ข้อมูล
ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการพิจารณาข้อมูลต่างๆที่ได้จากการสัมภาษณ์นักเรียนทั้ง 5 คน เพื่อนนักเรียน ผู้ปกครอง และครู-อาจารย์ที่สอนนักเรียนทั้ง 5 คน นำข้อมูลที่ได้มาประมวลภาพรวมแล้ววิเคราะห์ สรุป รวมทั้งการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานของนักเรียนในขณะเรียน และดูบันทึกผลคะแนนเป็นรายชิ้นงาน มาเปรียบเทียบกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในภาคเรียนที่ 1 พบว่า
ภาคเรียนที่ 1 ผู้วิจัยไม่ได้ใช้เทคนิคการติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด นักเรียนจึงมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยดูจากตารางที่ 1 ดังนี้
เด็กชาย ก มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 30
เด็กชาย ข มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 20
เด็กชาย ค มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 30
เด็กชาย ง มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 30
เด็กชาย จ มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 20
ภาคเรียนที่ 2 ผู้วิจัยใช้เทคนิคการติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด แล้วนักเรียนจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้นหรือไม่ จดบันทึกข้อมูลไว้เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบกับภารเรียนที่ 1 ของนักเรียนทั้ง 5 คน
5. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ปรากฏผลผลดังนี้
การวิจัยเรื่อง การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาความสนใจและผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 วิชา วาดเส้นแสงเงา ปรากฏผล การติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด ของนักเรียน 5 คน มีผลดังนี้
ตารางที่ 3 แสดงการส่งชิ้นงานตามจุดประสงค์ 10 ชิ้นงาน ของภาคเรียนที่ 2 เดือน ธ.ค. 46 ถึง ก.พ. 2547
ชิ้นงานชื่อ |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
10 |
รวม |
ร้อยละ |
เด็กชาย ก |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
10 |
100 |
เด็กชาย ข |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
10 |
100 |
เด็กชาย ค |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
10 |
100 |
เด็กชาย ง |
/ |
/ |
/ |
/ |
– |
/ |
/ |
/ |
/ |
/ |
9 |
90 |
เด็กชาย จ |
/ |
/ |
/ |
/ |
– |
/ |
/ |
/ |
/ |
– |
8 |
80 |
เมื่อพิจารณาวิเคราะห์ข้อมูลจากตารางที่ 3 การพัฒนาความสนใจของนักเรียนโดยการใช้เทคนิคการติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดแล้ว พบว่า นักเรียนทั้ง 5 คน ได้มีการพัฒนาความสนใจและผลสัมฤทธิ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้
เด็กชาย ก มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 100
เด็กชาย ข มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 100
เด็กชาย ค มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 100
เด็กชาย ง มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 90
เด็กชาย จ มีความสนใจและหรือมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ร้อยละ 80
ข้อเสนอแนะ
1. เทคนิคการติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อครูผู้สอนได้ลงมือปฏิบัติจริง ต้องมีการบันทึกข้อมูลต่างๆให้เป็นปัจจุบัน มีใจรัก อดทน ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด
2. นักเรียนบางกลุ่มใช้แรงเสริมทางบวกแล้วไม่ได้ผล บางกลุ่มใช้แรงเสริมทางลบแล้วไม่ได้ผล และบางกลุ่มต้องใช้แรงเสริมทั้งทางบวกและทางลบควบคู่กันไปจึงจะได้ผล บางกลุ่มอาจใช้แรงจูงใจทั้งทางบวกและทางลบไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับครูผู้ทำวิจัยจะต้องวิเคราะห์ตัวนักเรียนและสภาพแวดล้อมกลุ่มที่มีปัญหาว่าจะใช้วิธีการใดที่กล่าวมา เพื่อแก้ปัญหา
ภาคผนวก ผังการดำเนินงาน
เรื่อง การติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาความสนใจ
และผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ขั้นตอนที่ 1 สร้างข้อตกลงร่วมกัน |
– สร้างข้อตกลงร่วมกัน เฉพาะนักเรียนที่มีปัญหา |
|
ผล = นักเรียนเสนอข้อตกลง และได้ข้อตกลงร่วมกัน |
ขั้นตอนที่ 2 ตักเตือน |
– ตักเตือนด้วยวาจา เฉพาะนักเรียนที่มีปัญหา |
|
ผล = นักเรียนรับรู้รับฝัง |
ขั้นตอนที่ 3 เสริมแรงทางบวกและทางลบ |
– เสริมแรงทางบวกด้วยการชมเชยเฉพาะนักเรียนส่งงาน |
|
ผล = นักเรียนมีความพึงพอใจ |
ขั้นตอนที่ 4 เสริมแรงทางบวก เสริมแรงทางลบ และจัดหาที่เฉพาะให้ปฏิบัติกิจกรรม |
– เสริมแรงทางลบด้วยการให้ทำกิจกรรมเฉพาะนักเรียนไม่ส่งงานผล = นักเรียนมีความพึงพอใจ |
|
– จัดหาที่เฉพาะให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมและให้การดูแลอย่างใกล้ชิด |
ขั้นตอนที่ 5 เปรียบเทียบความสนใจ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนที่ 1 กับภาคเรียนที่ 2 |
ผล = นักเรียนปฏิบัติงานได้ชิ้นงานครบตามจุดประสงค์ การเรียนรู้ |
ไม่ได้ผล
ย้อนกลับตรวจสอบตามขั้นตอน 1-5 ใหม่
วิจัยในชั้นเรียน2
Posted ธันวาคม 16, 2008
on:วิจัยในชั้นเรียน
ใน Post นี้จะขอพูดถึงเรื่องการวิจัยในชั้นเรียนต่อจาก Post ที่แล้ว การทำวิจัยในชั้นเรียนจะทำโดยครูคนเดียวก็ได้หรือหลายๆคนรวมกันและเรื่องเดียวกันก็ได้ แต่มีจุดมุ่งหมายคล้ายคลึงกัน คือ
1. เป็นการสะท้อนผลการปฏิบัติของครูผู้ทำวิจัย
2. เป็นการพัฒนาความก้าวหน้าในภาระงานสอน ของครูผู้สอน
3. เป็นการสร้างวัฒนธรรมความเป็นมืออาชีพให้เกิดขึ้นในวิชาชีพครู
มีผู้ถามว่า.. ทำไมต้องทำวิจัยในชั้นเรียนมาใช้ในการเรียนการสอน.. ขอตอบแบบวิชาการคือ ในความเป็นจริงกระบวนการวิจัยย่อมเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือได้ มากกว่าวิธีอื่นๆ จะเป็นวิจัยในชั้นเรียน (แผ่นเดียว) หรือการทำวิจัยในชั้นเรียน (5 แผ่น) หรือการทำวิจัยในชั้นเรียน ( 5 บท) ก็ได้ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2542 หมวด 4 มาตรา 24 (5) กล่าวว่า ” ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการสอน และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และมีความรอบรู้รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ” ผมขอนำรูปแบบที่ครูลัดดา สายพานทอง (ครูผู้มีความรู้ความสามารถด้านการวิจัยคนหนึ่ง ผมมีความเชื่ออย่างนั้นครับ) กรุณาเขียนให้ผมนำมา Post แสดงสู่กันฟังดังนี้
วิจัยในชั้นเรียน (แผ่นเดียว) ประกอบด้วย
1. ชื่อเรื่อง
2. ผู้วิจัย
3. สาเหตุของปัญหา… จากการสอน
4. วิธีดำเนินการ… เพื่อแก้ไขปัญหที่เกิดขึ้น
5.ผลที่ได้รับ… จากการใช้
วิจัยในชั้นเรียน ( 5 แผ่น) ประกอบด้วย
1. ชื่อเรื่อง
2. ผู้วิจัย
3. วัตถุประสงค์ของการวิจัย (ทำเพื่ออะไร)
4. เครื่องมือการวิจัย (มีอะไรบ้าง)
5. สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล
6. รูปแบบ / ขั้นตอน / การดำเนินการ (ทำอย่างไร)
7. ตัวอย่างแผนการสอน แบบสมบูรณ์
8. ผลที่ได้รับ / สรุปผล
วิจัยในชั้นเรียน ( 5 บท) ประกอบด้วย
บทที่ 1 บทนำ (ความเป็นมา วัตถุประสงค์ ขอบข่ายการวิจัย นิยามศัพท์เฉพาะ และสมมติฐานของการวิจัย)
บทที่ 2 เอกสารอ้างอิง / งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3 วิธีดำเนินการ (ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง แบบแผนการวิจัย เครื่องมือ การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และ สถิติที่ใช้)
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล (การนำเสนอและแปลผลจากตาราง)
บทที่ 5 สรุป และอภิปรายผล (สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ)
ท่านผู้อ่านคงมีความรู้จากเดิมเพิ่มขึ้นบ้างแล้วนะครับ หรือยังมึนๆอยู่เหมือนเดิม ไม่เป็นไรครับลงมือทดลองทำดู ตามสุภาษิตโบราณที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทำ.. ถ้ามีโอกาสจะนำตัวอย่างวิจัยมา Post ให้ดูนะครับ..
วิจัยในชั้นเรียน
Posted ธันวาคม 11, 2008
on:ผมเคยได้ยินเขาพูดว่า.. อ่านเจอคำว่าวิจัยแล้วแทบจะเปิดไปหน้าอื่น เป็นหัวเรื่องที่ไม่ชวนน่าอ่านเลย.. ! เป็นเรื่องยาก.. น่าปวดหัว.. ไม่มีวิจัยอยู่ในสายเลือดเลย.. ไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย.. แล้วท่านผู้อ่านหล่ะครับเป็นกะเขาด้วยหรือเปล่าว.. ? เมื่อก่อนผมก็เคยเป็น.. เคยพูด.. แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว.. เพราะ ถูกบังคับ.. !! ล้อเล่นครับ.. เพราะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว.. ! ตอบเช่นนี้ดูดีกว่าตั้งเยอะ.. !
วันนี้เห็นเพื่อนครูพูด.. บ่น.. ถึงเรื่องวิจัยในชั้นเรียนหนาหู ถึงแม้เรื่องวิจัยในชั้นเรียนมีผู้เขียนตำรา และจัดอบรม สัมมนามาก็มาก แต่เพื่อนครูยังไม่เข้าใจ.. ? ผมจึงอยาก post ถึงเรื่องวิจัยในชั้นเรียนบ้าง อาจเป็นเรื่องเก่าๆมาเล่าสู่กันฟังอีกสักครั้ง เพื่อเพื่อนครูจะเข้าใจ แต่คงไม่ทันสมัยเหมือน CAR1 – CAR4 นะครับ
ความหมายของวิจัยในชั้นเรียน นักการศึกษาได้ให้ความหมายไว้ดังนี้
วิจัยในชั้นเรียน หมายถึง การศึกษากับกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กที่ดำเนินการโดยครูในชั้นเรียน เป็นขบวนการที่ช่วยให้ครูสะท้อนการปฏิบัติงานของตนเอง
วิจัยในชั้นเรียน หมายถึง การวิจัยที่ทำโดยครูผู้สอนในห้องเรียน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียน และนำผลมาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียน
วิจัยในชั้นเรียน หมายถึง กระบวนการที่ครูศึกษา ค้นคว้าหรือแสวงหาควมรู้ที่เชื่อถือได้ในเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนการสอน เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่ครูรับผิดชอบอย่างเป็นระบบและเหมาะสม
วิจัยในชั้นเรียน หมายถึง กระบวนการแสวงหาความจริง หรือการค้นคว้าหาคำตอบอย่างมีระบบมีแบบแผน และมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอน
สรุปใจความได้ว่างานวิจัยในชั้นเรียนนั้นเป็นงานของครูผู้สอนทุกคน โดยครูผู้สอนหาวิธีการหรือกระบวนการในการที่จะแก้ปัญหาต่างๆของผู้เรียน ลองคิดทบทวนดูก็เป็นจริงเช่นที่เขากล่าว.. ครูท่านใดที่สอนหนังสือภายในห้องเรียนแล้วไม่เจอปัญหาเลย ก็คงไม่ต้องทำวิจัยในชั้นเรียน แต่ถ้าครูพบว่า นักเรียนไม่ตั้งใจเรียน นักเรียนไม่นำวัสดุ-อุปกรณ์มาเรียน นักเรียนไม่ทำงานส่ง นักเรียนง่วงนอนขณะครูกำลังสอน นักเรียนอ่านหนังสือไม่คล่อง เป็นต้น ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่แหละปัญหา ครูต้องแก้ไขปัญหา ถ้าครูแก้ไม่ได้ด้วยวิธีนี้ ก็เปลี่ยนวิธีโน้น แล้วสามารถแก้ไขปัญหาได้ นั่นแหละครูได้ทำการวิจัยในชั้นเรียนแล้วครับ..? ปัญหาที่ครูแก้ไขทุกวันๆซึ่งเป็นปัญหาง่ายๆนี่นะหรือ..? ขอตอบครับว่านี่แหละคือการวิจัยในชั้นเรียน แต่ครูไม่เขียนบันทึกร่องรอยไว้เป็นหลักฐาน มีแต่เพียงคำบอกเล่า การเขียนบันทึกต้องเขียนให้เป็นด้วยนะครับ ต้องรู้จักปรุงแต่ง การใช้ภาษา การใช้ภาพ การใช้กราฟ และอื่นๆอีก.. เพื่อความน่าเชื่อถือของผู้อ่านครับ บานท่านอาจบอกว่าปัญหาที่พูดมาข้างต้นนั้นฉันทำมานานแล้วมีมากกว่านี้เสียอีก.. มันเป็นปัญหาง่ายๆใช่งานวิจัยในชั้นเรียนจริงหรือ..? เสียเวลาเปล่า..ถ้าคิดเช่นนี้คุณคงไม่ได้งานวิจัยในชั้นเรียนหลอกครับ ผมไม่ใช่นักวิจัยก็ขอตอบว่านี่แหละคืองานวิจัยในชั้นเรียนของครู.. เพราะงานวิจัยในชั้นเรียนทำได้หลายรูปแบบ.. จะทำวิจัยในชั้นเรียน (วิจัยแผ่นเดียว) หรือการทำวิจัยในชั้นเรียน 5 แผ่น หรือการทำวิจัยในชั้นเรียน (5 บท) ก็ได้ ทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขอเน้นย้ำทำวิจัยในชั้นเรียนนะครับ.. ถ้าหวังผลเป็นอย่างอื่น ขอ Post ในคราวหน้านะครับ..